พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่๔)
สมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎยังทรงสนพระทัยในด้านพระพุทธศาสนาอยู่เสมอ โดยเมื่อพระชนมายุครบผนวชพระองค์ได้ทรงผนวช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ พ.ศ.๒๓๖๗ ทรงได้รับพระฉายาว่า “วชิรญาณภิกขุ” ประทับอยู่ ณ วัดมหาธาตุ ๓ วัน แล้วจึงเสด็จไปจำพรรษาที่วัดสมอราย (วัดราชาธิราช) หลังจากทรงผนวชได้เพียง ๒ สัปดาห์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบรมชนกนาถก็เสด็จสวรรคต แต่มิได้ตรัสมอบพระราชสมบัติให้กับผู้ใด พระบรมวงศานุวงศ์จึงประชุมลงมติในที่ประชุมว่าควรอัญเชิญพระเจ้าลูกเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติสืบแทน สมเด็จฟ้ามงกุฎจึงมิได้ทรงลาผนวช และทรงผนวชอยู่ตลอดรัชสมัยของรัชกาลที่ ๓ ทำให้ทรงมีเวลามากมายในการศึกษาหาความรู้ในวิชาการแขนงต่างๆ จนแตกฉาน
๑. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
๒. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจันทรมณฑลโสภณภควดี สิ้นพระชนม์ตั้งแต่พระชนมายุ ๘ พรรษา
๓. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ประสูติเมื่อ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๓๙๙เป็นต้นราชสกุลจักรพันธุ์ สิ้นพระชนม์ เมื่อ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๓
๔. สมเด็จเจ้าฟ้าชายภาณุรังสีสว่างวงศ์ ประสูติเมื่อ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๒ สิ้นพระชนม์เมื่อ ๑๓มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๑ ณ วังบูรพาภิรมย์
พระราชกรณียกิจ
พระราชกรณียกิจด้านการทำนุบำรุงพระศาสนา
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกำหนดให้มีการทำบุญวันวิสาขบูชาขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๖นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีพระราชดำริให้สร้างภูเขาทอง โดยให้สร้างพระเจดีย์บรรจุเขี้ยวแก้วและพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้บนยอดแล้วพระราชทานนามว่า พระบรมบรรพต การสร้างพระบรมบรรพตนั้นยังไม่เสร็จสิ้นมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงเสร็จสมบูรณ์
พระราชกรณียกิจด้านการทำนุบำรุงประเทศ
นอกจากนี้พระองค์ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้นที่เขามหาสมณะ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นเขามหาสวรรค์) โดยเริ่มลงมือก่อสร้างในปี พ.ศ. ๒๔๐๓ และพระราชทานพระนามพระราชวังแห่งนี้ว่า พระนครคีรี หรือที่เราคนไทยรู้จักกันดีในนาม เขาวัง นั่นเอง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง หอชัชวาลย์เวียงชัย โดยสร้างเป็นรูปวงกลม คล้ายกระโจมไฟ มีบันไดเวียนภายในขึ้นบนหลังคารูปโดมมุงด้วยกระจกโค้ง กลางคืนจุดไฟสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงชายทะเล นักเดินเรือได้อาศัยแสงโคมนี้เป็นประภาคารนำเรือเข้าอ่าวบ้านแหลมในเวลากลางคืน ราษฎรเรียกว่า กระโจมแก้ว หอชัชวาลย์เวียงชัยแห่งนี้มีลักษณะคล้ายหอสังเกตุการณ์ทางดาราศาสตร์ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยด้านดาราศาสตร์เป็นอย่างมาก
พระราชกรณียกิจด้านการปกครอง
พระ บาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดตั้งตำรวจนครบาลขึ้นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองหรือ ชาวบ้านเรียกว่า หัวแดงแข้งดำ พร้อมกับทรงจัดตั้งศาลยุติธรรม และโปรดเกล้าฯ ให้แก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยและเป็นสากลมากขึ้น โดยได้ทรงประกาศพระราชบัญญัติและกฎหมายต่างๆ มากมายถึง ๕๐๐ ฉบับ
พระราชกรณียกิจด้านดาราศาสตร์
พระราชกรณียกิจด้านประเพณีและวัฒนธรรม
เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเข้าใจในความต้องการของประชาชนว่าต้องการที่จะเข้าเฝ้าเพื่อชมพระบารมีอย่างใกล้ชิดและเปิดเผย เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วจึงทรงยกเลิกพิธีการห้ามประชาชนเข้าเฝ้าหรือจ้องมองพระเจ้าแผ่นดิน และเลิกบังคับให้ประชาชนปิดประตูหน้าต่างสองข้างทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่านและโปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนเข้าเฝ้าได้โดยทั่วถึง พร้อมกับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนถวายฎีการ้องทุกข์กับพระองค์ได้อีกด้วย
พระราชกรณียกิจด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
เมื่อเริ่มต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นยุคที่ประเทศมหาอำนาจนิยมลัทธิการล่าอาณานิคมเป็นอย่างมาก โดยอาศัยวิธีการทูตเข้ามาขอเจรจาทำสัญญา ซึ่งประเทศมหาอำนาจเหล่านี้จะได้รับผลประโยชน์มากมาย และถ้าหากประเทศที่ด้อยพัฒนากว่าไม่ยอมทำตามสัญญา ประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นก็จะใช้กำลังบังคับให้ยอมปฏิบัติตาม ซึ่งก็กระทำสำเร็จมาแล้วหลายประเทศทั้งในเอเชียและแอฟริกาใต้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประเมินสถานการณ์และกำลังของประเทศแล้ว จึงทรงยอมผ่อนปรนติดต่อกับประเทศตะวันตก และทรงใช้นโยบายทางการทูตยอมเสียสละผลประโยชน์ส่วนน้อย เพื่อรักษาเอกราชของประเทศ โดยทรงทำสนธิสัญญากับประเทศตะวันตกเหล่านั้น
นอกจากนี้ไทยยังทำสนธิสัญญาในทำนองเดียวกันนี้กับ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส โปรตุเกส เยอรมนี อิตาลีเนเธอแลนด์ และประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย เช่น สวีเดฯ และนอร์เวย์ ซึ่งการทำสนธิสัญญากับต่างประเทศนั้นก็มีข้อดีอยู่บ้าง ได้แก่
๑. ทำให้ประเทศไทยรักษาความเป็นเอกราชได้ตลอดมา
๒. การยกเลิกระบบการค้าผูกขาดมาเป็นการค้าแบบเสรีทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างรวดเร็ว
๓. การติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ ทำให้ไทยมีโอกาสได้รับวิทยาการอันทันสมัยเข้ามาใช้พัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
พระราชกรณียกิจด้านการเปลี่ยนชื่อประเทศ
ในปีพ.ศ. ๒๓๙๘ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า ควรเปลี่ยนชื่อประเทศจากกรุงศรีอยุธยาเป็นสยามเนื่องจากกรุงศรีเป็นชื่อของราชธานีเดิมเมื่อเปลี่ยนที่ตั้งราชธานีแล้วควรเปลี่ยนชื่อประเทศใหม่ เพื่อเป็นการแสดงให้รู้ว่ามีการย้ายเมืองหลวงมาตั้งในสถานที่ใหม่แล้ว
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กลับจากการทอดพระเนตรสุริยุปราคา ที่บ้านหว้ากอ จ. ประจวบคีรีขันธ์ พระองค์ทรงประชวรด้วยโรคไข้ป่า และเสด็จสวรรคตเมื่อถึงพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ รวมมีพระชนมายุ ๖๔ พรรษา รวมระยะเวลาที่ทรงครองราชย์สมบัตินาน ๑๗ ปีเศษ พระองค์ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย ด้วยมีพระปรีชาสามารถอย่างมากในด้านวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้พระองค์ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างโรงพิมพ์ เพื่อจัดพิมพ์ราชกิจจานุเบกษาสร้างโรงกษาปณ์เพื่อผลิตเหรียญกษาปณ์ขึ้นใช้แทนเงินพดด้วง อีกทั้งมีพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองหลายประการ เช่น ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนขึ้นมาใหม่หลายสาย ทรงริเริ่มให้มีการจัดตั้งนิกายใหม่ทางพุทธศาสนา ชื่อว่าธรรมยุติกนิกาย รวม ถึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างและปฏิสังขรณ์วัดวาอารามขึ้นมาใหม่ เนื่องด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ในด้านวิทยาศาสตร์ ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จึงได้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้น ณ บริเวณด้านหน้ากระทรวงเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
เกร็ดความรู้
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่าประเทศไทยมีเหตุการณ์ที่เกือบจะต้องเสียอิสรภาพมาหลายครั้ง แต่เผอิญให้มีเหตุให้รอดพ้นภยันตรายมาได้เสมอ คงจะมีเทพยดาที่ศักดิ์สิทธิ์คอยอภิบาลรักษาอยู่ สมควรที่จะทำรูปเทพยดาองค์นั้นขึ้นสักการะบูชา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ปั้นหล่อเทวรูปสมมติขึ้น ถวายพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งทรงธรรมในหมู่พระที่นั่งพุทธมณเฑียร ในพระอภิเนาว์นิเวศน์ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่า พระอภิเนาว์นิเวศน์พระพุทธมณเฑียร และพระที่นั่งทรงธรรมซึ่งเป็นโครงสร้างเสาไม้หุ้มปูนที่ได้สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก ยากที่จะบูรณะให้คงสภาพเดิมไว้ได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อลงทั้งหมด และอัญเชิญพระสยามเทวาธิราชไปประดิษฐานไว้ ณ พระวิมานทองสามมุขเหนือลับแลบังพระทวารเทวราชมเหศวร์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ตราบจนถึงทุกวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น